ใน แต่ละถิ่นมักมีทั้งผู้จงใจและไม่จงใจ จำกัดโลกทรรศน์ของตนเพื่อความภูมิใจส่วนตัว ผ่านวลีเด็ดที่ว่า "หนึ่งเดียวในโลก หนึ่งเดียวในเมืองไทย" บางอย่างเป็นจริง เพราะปลัดขิกยาวที่สุดในโลก ข้าวจี่ที่ใหญ่ทีสุดในโลก ควไม่มีชาติใดทำ แต่บางอย่างไม่เป็นจริง เพราะผู้กล่าวอ้างขาดข้อมูลผู้อื่น(ทั้ที่คนเหล่านั้นก็เป็นญาติมิตรของเร่า ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น) ในกรณีของงานบุญถวายคัมภีย์ใบลาน บุญข้าวใหม่และบุญผิงไฟพระเจ้ากันหนาว(ตากธรรม ตานข้าวใหม่ หิงไฟพระเจ้า)เป็นประเพณีเก่าแก่ดั้งเดิมที่คนมอญปฏิบัติมาช้านาน และแพร่หลายในหมู่คนพม่าล้านนาไทใหญ่ กะเหรี่ยง และเมืองนครศรีธรรมราชในอดีต ในทุกวันนี้ก็ยังพบประเพณีดังกล่าวอยู่ทั่วไปในเมืองมอญ(ประเทศพม่า) ล้านนาชุมชนมอญราชบุรี ประเทศไทยดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ประเพณีโบราณดังกล่าวจะมีเพียงหนึ่ง เดียวในโลก
เคย มีผู้ศึกษาวัฒนธรรมประเพณีของคนล้านนาและคนมอญหลายท่านกล่าวไว้ว่า วัฒนธรรมประเพณีมอญที่เก่าแก่งดงามหลายประการจางหายไปแต่ยังสามารถพบได้ใน วิถีคนล้านนา เพราะวัฒนธรรมล้านนาส่วนหนึ่งไม่ได้เรียนรู้บ้านเมืองอื่นที่อยู่นอกความรับ รู้ของตน กรณีหนึ่งคือ ข่าวประชาสัมพันธ์งานบุญวัดสูงเม่น เมืองแพร่
"ตาก ธรรม ตานข้าใหม่ หิงไฟพระเจ้า ประเพณีโบราณหนึ่งเดียวในเมืองไทย" ผู้เขียนไม่นิยมคำกล่าวอ้างทำนองนี้เพราะความภาคภูมิใจในสิ่งี่ตนมีนั้นน่า ชื่่นชม แต่ขณะเดียวกันกลับแฝงฝังทัศนคติที่เป็นการกดทับ มีรากเหง้ามาจากมอญสิ่งที่เห็นได้ง่าย เช่น รูปแบบสถาปัตยกรร อักษรธรรมล้านนา พิธีกรรมการนับถือผีประเพณีบวชลูกแก้ว ดนตรี นาฎศิลป์ ตุงผ้า ตุงกระด้าง ที่ไม่เพียงรับเข้าไว้ หากยังปรับปรนเข้ากับชีวิตและสืบสานไว้จวบจนปัจจุบัน
ใน ที่นี้ผู้เขียนจะขอนำเอาประเพี ๑๒ เดือนทั้งของมอญ(รามัญ)และล้านนา(เชียงใหม่)เทียบเคียงกัน เพื่อให้เห็นให้เห็นความเชื่อมโยงของรากเหง้าทางวัฒนธรรม
มอญ |
เดือน |
ล้านนา |
สงกรานต์ (ปีใหม่มอญ) หุงข้าวแช่บูชา |
๕-๗ (ราวเดือนเมษายน) |
สงกรานต์ (ปีใหม่เมือง)-สรงน้ำพระ |
รำผีมอญ-เซ่นไหว้ผีบรรพชน พิธีแรกนา-ไถ |
๖-๙ (ราวพฤษาภาคม) |
เตียวขึ้นดอย-เดินทางจาริกแสวงบุญ |
ถวายทานผ้าอาบน้ำฝนแด่พระสงฆ์-เข้า |
๗-๙ ราวกรกฏาคม |
เลี้ยงผีปู่ย่า เลี้ยงผีขุนน้ำ (ผีแห่งต้นน้ำลำธาร) |
หล่อเทียนเจำนำพรรษา-ถวายเทียนจำนำ |
๘-๑๐ (ราวกรกฎาคม) |
เข้าพรรษา (พระสงฆ์พรรษา ศรัทธาเข้าวัดรักษาศีล) |
ฤดูกาลทำนา-ลงแขกหว่านข้าวกล้า ปักดำ |
๙-๑๑ (ราวสิงหาคม) |
เอามื้อปลูกนา-สู่ขวัญความ ฟังเทศน์ฟัง |
ตำข้าวเหนียว ทำขนมตักบาตร |
๑๐-๑๒ (ราวกันยายน) |
ตานก๋วยสลาก จาคะข้าว บริจาคทานแด่ |
กวนขนมกระยาสารท ตักบาตรเทโว ทุคตะทาน |
๑๑-เดือนเกี๋ยง (ราวตุลาคม) |
ออกพรรษา-พระสงฆ์ปวารณา ใส่บาตรเทโว ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ทารทอด (ทิ้งทานแก่ พระสงฆ์และคนยากคนจน |
ตั้งศาลพระแม่โพสพที่ทุ่งนา เซ่นไหว้ประจำปี |
๑๒-เดือนยี่ (ราวพฤศจิกายน) |
เดือนยี่เป็ง-เล่นบอกไฟ ล่องสะเปา (ลอยกระทง) ปล่อยโคมบูชาพระเกศแก้วจุฬามณี ตั้งธรรมหลวง |
ตำข้าวเม้าใหม่-ถวายพระสงฆ์ที่วัดและเซ่นไหว้ ผีบ้านผีเรือน |
๑-๓ (ราวธันวาคม) |
เกี่ยวข้าวเอาเฟือง-ลงแขกเกี่ยวข้าว สู่ขวัญข้าว ขอขมาพระแม่โพสพ ทุเจ้าเข้ากัมม์(พระสงฆ์บำเพ็ญ เคร่งครัช |
ฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวและนวดข้าว |
๒-๔ (ราวมกราคม) |
ปอยลูกแก้ว หรือปอยน้อย (บรรพชาสามเณร) |
สิ้ินสุดฤดูการทำนา-ชายเข้าป่าตัดไม้ ล่องแพ จักสาน หญิงเข้าหูก ทอผ้านุ่งผ้าห่ม |
๔-๖ (รามมีนาคม) |
ปอยหลวง-เฉลิมฉลองเสนาสนะสงฆ์ ปอยข้าวสังข์-อุทิศกุศลแด่ญาติตายโหง ปอยล้อ-งานประชุมเพลิงพระภิกษุสงฆ์ |